7 เคล็ดวิชาลับ สำหรับผู้เริ่มต้นบนเส้นทางการตลาดออนไลน์

อยากเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี

    มาเริ่มต้นได้ที่นี่เลยครับ ผมมี 7 เคล็ดวิชาลับ สำหรับผู้เริ่มต้นบนเส้นทางการตลาดออนไลน์ มาให้นักการตลาดออนไลน์มือใหม่สามารถเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจังได้จากคอนเทนต์นี้เลยครับ 

     ในยุค 2024 ยุคที่ธุรกิจออนไลน์สามารถโลดแล่นได้อย่างแพร่หลายบนโลกอินเทอร์เน็ต คงไม่มีใครไม่รู้จักการทำการตลาดออนไลน์อย่างแน่นอน!

     แต่การตลาดออนไลน์จะทำโดยไม่มีแบบแผนไม่ได้ เพราะบทบาทของการตลาดออนไลน์สามารถส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของธุรกิจในอนาคตได้เลยนะครับ

หากคุณไม่ลงแรงใส่ใจทำเสียตอนนี้ ทำการตลาดออนไลน์ต่อไปก็เสียเวลาเปล่า

     ดังนั้น หากคุณมีความตั้งใจในมือขวา และมีความมุ่งมั่นในมือซ้ายแล้ว คุณก็เริ่มเดินหน้าศึกษา 7 เคล็ดวิชาลับ สำหรับผู้เริ่มต้นบนเส้นทางการตลาดออนไลน์ ให้สำเร็จได้เลยครับ !

     ผมรับรองว่าธุรกิจในอนาคตของคุณ จะค่อย ๆ ทะยานสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

มาดูกันครับว่า 7 เคล็ดวิชาลับ จะพาคุณไปเริ่มต้นที่ตรงไหนบ้าง?

7 เคล็ดวิชาลับ สำหรับผู้เริ่มต้นบนเส้นทางการตลาดออนไลน์

1. การรู้จัก Winning Zone ของตนเอง

ทุกคนอาจจะยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ Winning Zone ใช่ไหมครับ?

     อธิบายคำว่า Winning Zone ให้เข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือ กลยุทธ์ทางการตลาด ที่เน้นใช้จุดแข็งเป็นอาวุธสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์

     โดย Winning Zone นั้น เกิดขึ้นได้จากการวิเคราะห์ผลจาก Market Research หรือ การวิจัยการตลาด ซึ่งเป็นการศึกษา เก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดของกลุ่มเป้าหมาย และคู่แข่ง

     เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ไปจนถึงการพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นไปตามความต้องการ 

     และยังเป็นการทำให้เกิดความเข้าใจในสถานการณ์ของตลาดในขณะนั้นได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

หากคุณรู้จักใช้ประโยชน์จาก Winning Zone ได้ ก็จะเหมือนคุณใส่รองเท้าติดปีกวิ่งเข้าสู่เส้นชัยเลยนะครับ

2. การรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง

เมื่อรู้จัก Winning Zone ของตนเองแล้ว ก็ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตนเองด้วย

     เพราะกลุ่มเป้าหมายมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก 

     โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเส้นทางที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็วที่สุดในขณะนี้

     ดังนั้น คุณจึงต้องทำการวิเคราะห์ข้อมูลประชากร พฤติกรรม ความสนใจ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อทำการวางแผนการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น

     เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ จะทำให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น 

     คุณจะได้รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร มีปัญหา หรือแรงจูงใจใดในการซื้อ ไปจนถึง ทำให้คุณสามารถปิดการขายกับกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นได้

การลงทุนกับเวลาเพื่อศึกษากลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้คุณสร้างกุญแจแห่งความสำเร็จบนเส้นทางการตลาดออนไลน์ได้

3. เลือกช่องทางการโปรโมทให้เป็น

     ในการเลือกช่องทางการโปรโมทบนการตลาดออนไลน์นั้น เป็นส่วนที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก 

     เพราะแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ได้มีช่องทางในการโปรโมทเพียงทางเดียว และอาจมีช่องทางที่ทำให้คุณเสียเวลาไปกับการลงทุนส่วนนี้ได้

     ปัจจุบัน มีช่องทางการโปรโมทอยู่มากมายที่คุณจำเป็นต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่น หรือประโยชน์ รวมไปถึงข้อจำกัดต่าง ๆ 

     เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบกับวางแผนกลยุทธ์การโปรโมทให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจออนไลน์ และกลุ่มเป้าหมายด้วย

เช่น

  • SEO : การเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของ Google
  • SEM : การโปรโมทด้วยการลงโฆษณาบน Google หรือ Google Ads นั่นเอง
  • Social Media : เช่น Facebook, Instagram, Line, TikTok และ ฯ ตามความเหมาะสมกับการสร้าง engagement ของธุรกิจออนไลน์
  • Email Marketing : เป็นช่องทางที่ใช้สื่อสารกับลูกค้าโดยตรง สร้างความสัมพันธ์ผ่านการส่งemailตรงสู่กลุ่มเป้าหมาย
  • Content Marketing : เป็นการสร้างบทความ, วิดีโอ, Infographic และ ฯ เพื่อดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมาย
  • Influencer Marketing : เป็นอีกหนึ่งวิธียอดฮิตในปัจจุบัน เป็นการจ้าง Influencer เพื่อโปรโมทสินค้า

     โดยแต่ละช่องทางก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรเลือกใช้ช่องทางให้เหมาะสมกับการโปรโมทสินค้าและบริการของคุณ

4. การสร้างคอนเทนต์ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

     ในข้อนี้จะเป็นการแนะนำการเขียนคอนเทนต์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกค้าในอนาคตของคุณมากขึ้น

     โดยมีเคล็ดลับง่าย ๆ นั้นก็คือ เขียนคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมาจากการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายในข้อที่ผ่านมา

     เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไรแล้ว คุณก็จะสามารถเขียนคอนเทนต์ให้สามารถเข้าถึงหัวใจกลุ่มเป้าหมายได้ 

     และจะต้องไม่ลืมว่า คอนเทนต์ที่นำเสนอจะต้องมีคุณค่า มีคุณภาพ น่าสนใจ และสามารถแชร์ได้ด้วย

     เพื่อเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ หากคุณต้องการทำการตลาด SEO ควบคู่ไปด้วย นอกจากคอนเทนต์จะสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ยังขยายการรับรู้ของธุรกิจออนไลน์ และเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้นอีก

5. การเลือกทำโฆษณาให้เหมาะสมกับธุรกิจ

     การทำโฆษณาออนไลน์กับธุรกิจออนไลน์เป็นของคู่กันเสมอ

     การทำธุรกิจออนไลน์ที่มีการทำโฆษณาควบคู่กัน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารไปสู่กลุ่มเป้าหมาย และสามารถเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณได้จริง

     แต่การเลือกทำโฆษณาเองก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการโปรโมท 

     เนื่องจากจะต้องเลือกวิธีการ แพลตฟอร์ม และออกแบบเนื้อหาให้เหมาะสมกับธุรกิจออนไลน์ของคุณเพื่อป้องกันการลงทุนที่เสียเปล่า

     1.กำหนดเป้าหมายและงบประมาณโฆษณ

     เมื่อคุณมีข้อมูลจากการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแล้ว คุณจะสามารถโฟกัสไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มว่าจะมีการปิดการขายได้มากที่สุด และตั้งงบประมาณให้เหมาะสม

     2. เลือกแพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสม

     คุณต้องศึกษาและเลือกแพลตฟอร์มที่มีอยู่อย่างหลากหลาย ให้เหมาะสมกับการทำการโฆษณาของคุณ

     ซึ่งผมมี 10 อันดับแพลตฟอร์มสำหรับโฆษณายอดฮิต เป็นตัวอย่างให้คุณได้ลองพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสมนะครับ

เช่น

1.) Google Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • มีการรองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Search Ads, Display Ads, Video Ads เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท

 

2.) Facebook Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจง
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Text Ads, Image Ads, Video Ads เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ และเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว

3.) Instagram Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เน้นการใช้ภาพและวิดีโอ
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Stories Ads, Reels Ads, Shop Ads เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมาย

4.) YouTube Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับการนำเสนอเนื้อหาวิดีโอ
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น TrueView In-Stream Ads, Bumper Ads, Discovery Ads เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ และดึงดูดลูกค้าใหม่

5.) Twitter Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเฉพาะ
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Promoted Tweets, Promoted Accounts เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมาย

 

6.) LinkedIn Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแวดวงธุรกิจ
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Sponsored Content, Sponsored InMail เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้าง B2B leads

7.) TikTok Ads:

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น In-Feed Ads, Branded Hashtag Challenges
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ และดึงดูดลูกค้าใหม่

8.) LINE Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทย
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Timeline Ads, In-Feed Ads, Sponsored Stickers เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมาย

9.) Shopee Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับธุรกิจบน Shopee
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Product Ads, Sponsored Search Ads เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายบน Shopee

10.) Lazada Ads :

  • แพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสำหรับธุรกิจบน Lazada
  • รองรับโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เช่น Product Ads, Sponsored Search Ads เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายบน Lazada

     3. ออกแบบโฆษณาที่ดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย

     การสร้างคอนเทนต์ไม่ว่าจะเพื่อเหตุผลใด เรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นหลักก็คือ เนื้อหาที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการ มีความน่าสนใจ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อได้ดี และมีภาพที่สวยงามดึงดูดสายตาจากกลุ่มเป้าหมายได้

6. การติดตามวัดผล

     เมื่อการทำการตลาดออนไลน์เดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว แสดงว่า ถึงเวลาวัดผลแล้วนะครับ

     การติดตามวัดผลแคมเปญ จะเป็นการรวบรวมผลที่ได้จากทุกขั้นตอนที่ผ่านมา และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เป็นผลลัพธ์ของแคมเปญ

     เพื่อที่คุณจะทราบได้ว่าแผนการตลาดที่ทำไปแล้วนั้น มีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือได้ผลมากน้อยอย่างไร

     ซึ่งผลที่ได้จากการสรุปผลการวิเคราะห์นั้น สามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ และนำไปสู่การปรับปรุงแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ในครั้งต่อไป

7. การจัดเก็บข้อมูลเพี่อการพัฒนา

     จะเป็นการเก็บบันทึกข้อมูลที่ได้จากการวัดผลต่าง ๆ ในระยะเวลาที่กำหนด เหมือนกับการสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากประสบการณ์ หรือการศึกษากรณีในสถานการณ์ต่าง ๆ จากการทำการตลาด ซึ่งเรียกว่า Key Learning

ทำไมต้องบันทึก Key Learning ทุกๆระยะเวลาที่กำหนด?

     นั่นก็เพราะการบันทึก Key Learning จะทำให้คุณเข้าใจประสบการณ์ เหตุการณ์ที่ผ่านมามากขึ้น ผ่านการวิเคราะห์และการจดบันทึก Key Learning 

     และสามารถนำ Key Learning ที่ได้ ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนพัฒนาธุรกิจออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกต่อไปในอนาคตครับ

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ตอนคุณได้อ่าน 7 เคล็ดวิชาลับ สำหรับผู้เริ่มต้นบนเส้นทางการตลาดออนไลน์ กันครบถ้วนแล้วนะครับ ทุกคนคงจะทราบกันแล้วว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร

     อย่างไรก็ตามนะครับ การทำการตลาดออนไลน์ จะต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์เป็นอย่างมากในการปรับปรุงและพัฒนาแผนการตลาดไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถทำวันนี้แล้วเห็นผลทันตาได้ ขอให้ทุกคนมีความอดทนและพยายามทำให้ดีที่สุดนะครับ

     แต่หากธุรกิจออนไลน์ของคุณรอเวลาไม่ได้ และขั้นตอนใน 7 เคล็ดวิชาลับ สำหรับผู้เริ่มต้นบนเส้นทางการตลาดออนไลน์ นี้ยากเกินไปสำหรับคุณ ติดต่อเราได้เลยครับ

     เรามีทีมงานที่พร้อมจะช่วยเป็นที่ปรึกษาและลงมือวางแผนการตลาดให้คุณได้ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาทดลองผิดถูกด้วยตนเองเลย และยังป้องกันการลงทุนที่มีความเสี่ยงได้

เพียงคลิกที่นี่🔻

IMPEL MARKETING บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจออนไลน์

IMPEL MARKETING จากประสบการณ์ ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี

เราจะให้คำปรึกษาถึงแก่นการทำตลาดออนไลน์ให้คุณมียอดขายถึงขีดสูงสุดในทุกประเภทสินค้าและบริการ

การันตีผลงานทีมงานด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีเราสร้างยอดขายให้ธุรกิจมากกว่า 10 แบรนด์ ยอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท