
จังหวะเขียนคอนเทนต์ขั้นเทพเพื่อการตลาด
สวัสดีครับ วันนี้ที่ผมจะนำความรู้จากประสบการณ์การเขียนของผมมาบอกเล่าให้ทุกคนทราบ โดยจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทคนิคในการเขียนคอนเทนต์การตลาดของนักเขียนมืออาชีพที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นความรู้ที่ผมได้รับมาจากการศึกษากับเจ้าของสำนักพิมพ์ท่านหนึ่งที่มีประสบการณ์ด้านการเขียนมาอย่างยาวนาน
โดยเนื้อหาในคอนเทนต์นี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า การเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง และผมหวังว่าความรู้เกี่ยวกับคอนเทนต์การตลาดออนไลน์นี้จะช่วยในการขัดเกลาทักษะการเขียนของคุณให้พัฒนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะยังเคย หรือไม่เคยเขียนมาก่อนก็ตาม
คุณอาจจะเคยได้ยินว่า ไม่ว่าอาชีพไหนก็เป็นนักเขียนได้ หรือ ใคร ๆ ก็เป็นนักเขียนได้

“ ถ้าไม่เคยเขียนคอนเทนต์ล่ะ คุณจะเขียนได้ยังไง? “
ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับนักเขียนทั่วโลก และไม่อาจมองข้ามไปได้
ถึงแม้ในด้านการตลาดออนไลน์ คุณจะเคยเห็นความสำเร็จจากการสื่อสารในรูปแบบของการพูดอยู่มากมาย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเขียนเองก็เป็นการสื่อสารที่สำคัญ และสามารถนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้อีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน
ทำไมผมถึงอยากผลักดันทักษะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ของทุกคนครับ? เพราะจากประสบการณ์ด้านการตลาดออนไลน์ในหลายปีที่ผ่านมาของผม ทำให้ผมทราบว่าทั่วโลกได้มีการปรับเปลี่ยนการตลาดออนไลน์แตกต่างไปจากเดิมมาก นักการตลาดออนไลน์ทุกคนแทบจะต้องพลิกตำรามาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น และยังมีคนกล่าวอีกว่า “ในอนาคตข้างหน้า คอนเทนต์การตลาดออนไลน์จะกลายเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในระยะยาว และกลายเป็นดั่งต้นไม้ยืนต้นในที่สุด”
บุคคลที่ทำงานด้านการตลาดออนไลน์เองจะต้องมีความสามารถการเขียนเป็นพื้นฐาน เช่น นักเขียนรับจ้างนอกจากเขียนงานทั่วไปก็ต้องเคยรับงานเกี่ยวกับการเขียนคอนเทนต์การตลาดมาบ้าง หรือบางคนทำงานเกี่ยวกับการทำหนังโฆษณาก็ต้องมีการคิดเรื่องราวให้มีความน่าสนใจและเขียนออกมาให้อยู่ในรูปแบบของสตอรี่บอร์ด แม้กระทั่งคนที่เก่งจนประสบความสำเร็จแล้ว ในงานกล่าวสุนทรพจน์ เขาเองก็คำกล่าวและยังต้องคิดลงมือเขียนก่อนจะนำมาใช้ขึ้นพูด
สรุปได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คุณก็ต้องใช้ทั้งทักษะในการพูด และทักษะการเขียนร่วมกันนั่นเอง
คุณเคยมีปัญหาเกี่ยวกับการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์เหล่านี้ไหม? บางคนยังไม่เคยเขียน หรือบางคนเคยเขียนแล้วแต่ก็ยังไม่พอใจ พิมพ์ผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง องค์ประกอบคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ไม่สมบูรณ์ จนอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในการเขียนของตนเอง ไม่ต้องกลัวครับ ผมเองก็เคยมีปัญหาเหล่านั้น
ดังนั้นเรามาดูกันว่าจะต้องเริ่มต้นเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ยังไง ให้ไต่ระดับได้ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นแบบ Beginner เลื่อนขั้นกลายเป็นระดับกลาง Intermediate จนกระทั่งไปสู่จุดสุดท้ายอย่าง Advance ได้ไม่ยาก

7 จังหวะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ระดับเทพ
ผมจะพูดเนื้อหาของ 7 จังหวะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ระดับเทพนี้ แล้วทุกคนลองกลับไปเปิดหนังสือขายดีที่มียอดขายระดับ 10 ล้านเล่มในบ้านของคุณดูครับ จะพบได้ว่าประมาณ 80% จะมีลำดับการเขียนด้วย 7 จังหวะนี้อย่างแน่นอน ผมพิสูจน์มาแล้วครับ
แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือบางเล่มก็ไม่ได้ใช้เทคนิคนี้ในการเขียน แต่ก็ยังมียอดขายจำนวนมากได้ เนื่องจากหนังสือเหล่านั้น ใช้วิธีการจ้าง Ghostwriter มาเขียนให้ โดยจะเป็นการนั่งสัมภาษณ์และทำการเรียบเรียงข้อมูลลงในหนังสือ ส่วนใหญ่มักเป็นการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติ ปัจจุบันก็สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนเว็บไซต์ออนไลน์ ซึ่งบุคคลทั่วไปอาจมองว่าเป็นวิธีที่ง่าย เพราะไม่ต้องเสียเวลาเขียนเอง แต่ก็มีข้อเสียหลักอยู่ คือ ผู้อ่านไม่มีความรู้สึกร่วม ไม่คล้อยตาม และไม่สามารถจูงใจได้เท่ากับหนังสือที่มีการเขียนโดยใช้เทคนิค 7 จังหวะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์นี้ครับ
ผมเคยเห็นบางคนที่อยู่ในวงการนักเขียน แต่ก็ไม่ได้มีการเขียนที่ดีเสมอไป ในบางครั้งงานเขียนที่ออกมาก็ดูทื่อ ๆ ไม่ลื่นไหล ดังนั้น สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าคุณเป็นนักเขียนที่เก่งจริงไหม ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน การเอาใจใส่ และมีความเชี่ยวชาญในการเขียนเรื่องนั้นครับ
7 จังหวะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ระดับเทพ มีทั้งหมด 7 จังหวะ
การเขียนคอนเทนต์ด้วย 7 จังหวะ โดยหลัก ๆ แล้วจะมี 7 ย่อหน้า หรือมีมากกว่านี้ก็ได้ครับ การเขียนคอนเทนต์ที่ดีไม่ใช่การมีหลายย่อหน้า แต่เป็นการเขียนที่สามารถทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกคล้อยตามได้และชักจูงให้ความคิดเปลี่ยนแปลงไปตามที่ผู้เขียนต้องการได้ ในการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์นี้ก็เช่นเดียวกัน คุณสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ร่วมกันได้ครับ

จังหวะที่ 1 เกริ่น คือ การเขียนบรรยายเพื่อเชื้อเชิญให้ผู้อ่านรู้สึกอยากติดตามอ่านต่อ โดยวางปัญหาให้เห็นชัดเจนและพยายามเชื่อมโยงผู้อ่านเห็นปัญหาไปด้วยกัน จากนั้นอาจจบการบรรยายด้วยการบอกทางออกปัญหา หรือเป้าหมายของผู้เขียน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ครับ
ตัวอย่างจากในคลิปสอน คือ เรื่อง 3 เทคนิคเสริมภูมิคุ้มกันโรคปากเท้าเปื่อยในเด็กวัยเรียน
เกริ่น : พ่อแม่หลาย ๆ คนต้องปวดหัว เมื่อส่งลูกหลานไปเรียนแล้ว เกิดการติดเชื้อจากโรงเรียนกลับมาที่บ้าน คุณเป็นหนึ่งในพ่อแม่เหล่านั้นหรือไม่? แต่วันนี้ผมจะมาบอกวิธีที่จะทำให้คุณสบายใจได้ว่าลูก ๆ ของคุณจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นจนโรคนี้ไม่สามารถทำอะไรลูกคุณได้อีกต่อไป…
จังหวะที่ 2 ภาพ คือ การทำให้เห็นภาพด้วยการบรรยาย อาจมีความยาวประมาณ 1 ย่อหน้า บรรยายให้เห็นผู้อ่านเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เป้าหมายของย่อหน้านี้ต้องทำให้ผู้อ่านเกิดความคิดที่เปลี่ยนแปลงตามการบรรยาย เน้นการใช้คำที่ทำให้คล้อยตามได้ดีและดึงดูดให้ผู้อ่านอยากรู้จุดจบของคอนเทนต์ให้ได้
ภาพ : คุณเคยหรือไม่ ลูกกลับบ้านมาแล้วเป็นไข้นอนซม ตอนกลางคืนต้องอดหลับอดนอนคอยเช็ดตัวให้ ทราบหรือไม่ว่าสาเหตุการป่วยเป็นเพราะอะไร สาเหตุก็เป็นเพราะภูมิต้านทานในร่างกายของเด็กนั้นไม่ดี เมื่อไปเจอเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน เวลาเด็กไปเล่นกัน หรือทำกิจกรรมด้วยกัน ก็เกิดการแพร่เชื้อและติดเชื้อกลับมาโดยไม่รู้ตัว เด็กที่เล่นกันไม่ทันได้ระวังตัวจึงทำให้ติดโรคมาได้ง่าย…
จังหวะที่ 3 ชี้ คือ การชี้ให้เห็นประเด็นปัญหาให้ผู้อ่านมองเห็นปัญหาร่วมด้วยว่าสาเหตุของปัญหาเกิดจากอะไร อาจยกหลักวิชาการมาช่วยในการส่งเสริมให้ผู้อ่านรู้สึกถึงความสมเหตุสมผล
ชี้ : จากการที่เด็กมีภาวะภูมิต้านทานต่ำนั่นก็เป็นเพราะว่ามีการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารที่มีสารอาหารไม่เพียงพอ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพไม่ดี ช่วงอายุ การรับยาบางชนิด ฯ จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยหนึ่งกล่าวว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดภาวะภูมิต้านทานต่ำกว่าเกณฑ์อาจเป็นเพราะสาเหตุที่แตกต่างกันไป…
จังหวะที่ 4 อ้าง คือ การใช้หลักฐาน ผลการวิจัย ข้อมูลวิชาการ หรือคำคมมาอ้างประกอบคอนเทนต์ จะช่วยทำให้คอนเทนต์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยที่นำมาอ้างต้องมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ที่เขียนด้วย
อ้าง : ผลการวิจัยจากสำนักงานหนึ่งบอกว่าในปีหนึ่งมีคนเสียชีวิตจากสาเหตุโรคปากเท้าเปื่อยแพร่ระบาดในสถานศึกษาของเด็กช่วงอายุต่ำกว่า 5 ปี ปีละ 500 คน จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งยังออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าโรคนี้ยังสามารถเกิดได้ตลอดปี และมีโอกาสเป็นเพิ่มมากขึ้นในช่วงหน้าฝน.…
จังหวะที่ 5 เทศน์ คือ การบรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดหัวข้อหลัก โดยมีเป้าหมายในการทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วมไปกับคอนเทนต์ที่เขียน
เทศน์ : วันนี้เราเป็นพ่อแม่คน ต้องอย่าหยุดเรียนรู้วิธีในการป้องกันลูกจากโรคปากเท้าเปื่อย ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลในแต่ละวัน มองหาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับวิตามิน หรืออาหารเสริมให้ลูก ๆ คุณทาน หรือการสอนวิธีที่ถูกต้องในการดูแลป้องกันตนเองให้กับลูก
แล้วถ้าหากลูกเป็นโรคนี้แล้วจะรักษาตัวเองอย่างไรให้ดีขึ้นได้ ซึ่งหากลูกเราเป็นโรคนี้แล้ว ก่อนไปพบแพทย์พ่อแม่และลูกต้องเตรียมตัวด้วยการจดบันทึกอาการและประวัติ และหลังจากการพบแพทย์นั้นต้องดูแลอาการอย่างไรให้ลูกสบายตัวลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู ลดความเครียดที่จากอาการป่วยด้วยวิธีไหนจึงจะได้ผลดีกับลูกมากที่สุด…
จังหวะที่ 6 อ้าง คือ การใช้หลักฐาน ผลการวิจัย ข้อมูลวิชาการมาอ้าง หรือคำคม ประกอบคอนเทนต์อีกครั้ง
อ้าง : และมีการวิจัยว่าถ้าเราดูแลลูกด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลูกของเราจะมีโอกาสหายไวยิ่งขึ้น ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานยาเพิ่ม และหาอาหารเสริมเกี่ยวกับวิตามินหรือโปรตีนเพื่อทดแทนส่วนที่ลูกขาดไป…
จังหวะที่ 7 จบ คือ สรุปว่าต้องทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาได้ และให้ลงท้ายด้วยผลิตภัณฑ์ที่ต้องการขาย หรือเป้าหมายที่ต้องการสื่อจากคอนเทนต์ที่เราเขียนมาทั้งหมด
จบ : อย่างที่ได้ทราบกันแล้วว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แล้วอาการลูกของเรามีผลมาจากพฤติกรรมที่ไม่เป็นผลดีต่อการใช้ชีวิตใช่ไหม พ่อแม่อย่างเราต้องปรับตัวเรื่องการดูแลลูกด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของลูก เช่น การทานอาหาร การนอนพักผ่อน การออกกำลังกาย และยังต้องสอนให้ลูก ๆ เรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะป้องกันตนเองจากเชื้อโรคร้ายที่อาจดูไม่อันตรายแต่หากไม่ระวังก็อาจทำให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาได้ และอาจอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิต
แต่ยังดีที่ปัจจุบันนี้มีหลากหลายตัวช่วยที่จะทำให้ลูกของคุณปลอดภัยและห่างไกลจากการติดเชื้อโรคนี้ หรืออาจช่วยให้ลูกของเราหายดีจากการเป็นโรคนี้อยู่ด้วยการทานอาหารเสริมเกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติและยังทำให้ร่างกายลูก ๆ แข็งแรงมากขึ้นอีก จนเราสามารถวางใจในการใช้ชีวิตของลูกได้ ให้ลูกได้ใช้ชีวิตอิสระอย่างที่เขาต้องการ…
มีตัวอย่างคอนเทนต์เพิ่มเติมในคลิปวิดีโอ
เราได้เรียนรู้ 7 จังหวะการเขียนขั้นเทพกันไปแล้ว เทคนิคในส่วนนี้ทุกคนลองนำไปฝึกกันดูนะครับ
และจากนี้จะเป็นการเสริมเทคนิคการเขียนคอนเทนต์การตลาดแบบสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ของคุณมากขึ้นนะครับ

Basic Content Marketing : 7 เทคนิคการเขียนคอนเทนต์การตลาดอย่างไร ให้ดึงดูด โน้มน้าว น่าสนใจ
1.) เขียนให้เป็นช็อต จบในตอน เขียนเป็นข้อ ๆ
การเขียนให้เป็นช็อตนี้จะอยู่ในช่วงจังหวะที่5 หรือจังหวะเทศน์ใน 7 จังหวะการเขียนขั้นเทพ โดยมีการแบ่งข้อมูลออกเป็นข้อ ๆ และอาจจะใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไปในแต่ละข้อเพื่ออธิบายขยายความหมายของเนื้อหาในแต่ละข้อมากขึ้น
นักเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์นิยมใช้การเขียนลักษณะนี้ในการบรรยายเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีข้อดีตรงที่ผู้อ่านจะได้รู้ว่าเนื้อหาที่อ่านจะจบลงภายในกี่ข้อ
ตัวอย่าง

2.) คนชอบอ่านเรื่องเล่า การยกตัวอย่างประกอบ ประสบการณ์ตรง
เป็นลักษณะการเขียนที่เหมือนกับการอ่านเรื่องเล่า อาจเขียนแทรกอยู่ในช่วงจังหวะต่าง ๆ ของ 7 จังหวะได้ โดยการเล่าเรื่องราวไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าจากตัวเราเอง หรือเป็นเรื่องเล่าจากผู้อื่นจะช่วยทำให้คอนเทนต์การตลาดออนไลน์มีความหลากหลายน่าสนใจมากขึ้น
ตัวอย่าง
เป็นการเล่าว่า ผมไปคุยกับอาจารย์สมคิด ลวางกูร โดยมีหัวข้อในการคุยว่า การเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ มีเทคนิคยังไงที่จะรักษาสิ่งนี้ไว้ในระยะยาว เพราะมีคำโบราณสอนไว้ว่า “ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” ผมจึงนำมาเขียนเป็นเรื่องเล่าแทรกอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของบทความ

3.) เขียนแบบนิยาย มีการดำเนินเรื่อง
เป็นการเขียนลักษณะดำเนินเรื่องแบบนิยาย มีการบรรยายความคิดมโนภาพที่เกิดขึ้นทำให้เราได้คิดภาพตาม การเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมแทรกอยู่ในการเทศน์ แต่ก็มีอยู่บ้างที่แทรกในช่วงจังหวะอื่นของ 7 จังหวะด้วย
ตัวอย่าง
เป็นเรื่องผมค้นหามาจากอินเทอร์เน็ตมีลักษณะการดำเนินเรื่องเป็นนิยาย มีการแทรกคำพูด และความคิดลงในงานเขียน ไม่มีการอ้างอิงงานวิจัย แต่บทความนี้สั้นไปนิดนะครับ จึงอาจมีไม่ครบกับ 7 จังหวะ หากคุณอยากเขียนโดยมีอ้างอิงงานวิจัยก็สามารถเพิ่มอ้างอิงลงไปให้บทความยาวขึ้นได้ครับ

4.) Strong Start + Smart Stop ขึ้นต้นแรงๆ จบมุมสวยๆ
เป็นลักษณะการเกริ่นให้แรงขึ้น โดยอาจเป็นการโยนคำถาม หรือคำคมให้ฉุกคิด และชะงักกับคำถาม ให้ผู้อ่านรู้สึกได้ว่า คอนเทนต์สื่อสารกับเขาด้วย คอนเทนต์การตลาดออนไลน์แบบนี้เป็นไปตาม 7 จังหวะเป๊ะเลยครับ เพียงแต่เน้นจังหวะเกริ่น และจังหวะจบให้จี้ใจมาก ๆ เพื่อจูงใจให้ผู้อ่านรู้สึกอยากลุกขึ้นสู้ หรือมีกำลังใจ
ตัวอย่าง

5.) ใช้คำคมคนดัง ภาษิตดังอ้างอิง
เป็นลักษณะของการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์จากการใช้คำคม หรือภาษิตที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาคอนเทนต์ และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมาทำการอ้างอิงลงในช่วงจังหวะต่าง ๆ ของ 7 จังหวะ เพราะการใช้คำคม หรือภาษิตที่มีคนรู้จักในหมู่มากจะช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้ผู้อ่านสัมผัสได้ว่าคอนเทนต์การตลาดออนไลน์นั้นกำลังดำเนินไปพร้อมกับสื่อสารถึงผู้อ่านไปด้วย
ตัวอย่าง

6.) ใช้คำถามเปิดใจ ใส่อารมณ์ลงในถ้อยคำ
เป็นลักษณะการเขียนที่ใช้คำถามร่วม หรือคำที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้อ่าน ทำให้ผู้อ่านเกิดคำถามขึ้นในใจ และคล้อยตามไปกับเป้าหมายของผู้เขียน โดยคำถามสามารถแทรกลงในจังหวะต่าง ๆ ใน 7 จังหวะ และเน้นการใช้ประโยคที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนร่วมกับคำที่มีผลต่อผู้อ่าน เพื่อให้คอนเทนต์การตลาดออนไลน์สามารถมีอิทธิพลกับจิตใจของผู้อ่านได้จริง
ตัวอย่าง

7.) เขียนในเรื่องที่คุณรู้มากกว่าคนอื่น
หากคุณไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไรจริง ๆ ให้เขียนเรื่องที่คุณรู้มากที่สุดครับ เพราะคอนเทนต์การตลาดที่มาจากความเชี่ยวชาญของตัวคุณเอง จะสามารถถ่ายทอดสิ่งที่คุณรู้ได้ดีที่สุด
ในด้านคอนเทนต์การตลาดออนไลน์นั้น การเขียนลักษณะนี้มความน่าสนใจมากกว่าการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ในลักษณะอื่น ๆ เพราะผู้อ่านชอบคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ที่มาจากประสบการณ์จริง และเป็นเรื่องจริง การเขียนในเรื่องที่คุณรู้มากกว่าคนอื่นจึงกลายเป็นที่นิยมของผู้อ่านมากที่สุดครับ
ตัวอย่าง

โดยในการเริ่มเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ของทุกคน ผมก็อยากให้คุณลองเขียนอะไรมาก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องออกมาดีในครั้งแรกทันที และไม่ต้องกลัวว่าถ้าเขียนออกมาไม่ดี คอนเทนต์เหล่านั้นจะทำให้คุณเองรู้สึกอาย เพราะเมื่อก่อน ผมก็เคยมีทักษะการเขียนที่และทักษะการพูดที่ต่ำมาก แต่ในท้ายที่สุดแล้วผมก็ผ่านมันมาได้
เมื่อคุณอยากเริ่มต้นทำอะไรบางอย่าง คุณย่อมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “การเริ่มจากศูนย์ คือ อะไร” มันคือการเริ่มโดยที่เรายังไม่มีอะไรเลยเป็นพื้นฐาน จากนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้เราเกิดความชำนาญในทักษะนั้นได้ก็คือ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ยิ่งคุณฝึกฝนมากก็จะยิ่งทำให้คุณมีความชำนาญมาก

ถ้าหากเปรียบการฝึกเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ตามตารางนี้จะเป็นอย่างไร?
- ฝึกเขียน 1 ชั่วโมงแรก คุณจะเริ่มเรียนรู้ในระดับเริ่มต้น
- ฝึกเขียน 3 ชั่วโมงถัดมา คุณก็เข้าสู่ระดับของนักเรียน เริ่มมีการทำซ้ำเรื่อย ๆ จนเริ่มมีพื้นฐาน
- ฝึกเขียนไปแล้ว 10,000 ชั่วโมง แน่นอนว่าคุณจะเข้าสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากคุณฝึกฝนตัวเองเป็นประจำจนสามารถใช้ทักษะการเขียนได้ชำนาญ รู้จักเรียงลำดับตามขั้นตอน รู้หลักไวยากรณ์ และรู้จักหลักการเขียนจนลึกซึ้ง
และนี่จึงกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า มีเพียงการฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอเท่านี้ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาระดับของทักษะที่คุณต้องการได้

จากเทคนิคที่ผมกล่าวมาทั้งหมด สามารถทำให้คุณจับจังหวะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ได้หรือเปล่าครับ? ถ้าหากได้อ่านครบทั้ง 7 จังหวะการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ระดับเทพและ 7 เทคนิคการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์อย่างไรให้ดึงดูด โน้มน้าว น่าสนใจแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าเรื่องที่ผมต้องการจะเน้นย้ำให้ทุกคนทราบก็คือ การเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ที่ไม่มีผิด ไม่มีถูก และสามารถยืดหยุ่นได้ตามที่คุณต้องการ โดยมีเทคนิคเหล่านี้ที่จะคอยช่วยให้คุณสามารถใช้ทักษะที่ฝึกฝนมาเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ให้ปังจนเข้าใกล้จุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
ในตอนนี้ทุกคนได้อ่านมาจนถึงช่วงท้ายของการสอนเทคนิคการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์ของผมแล้วครับ เป็นอย่างไรกันบ้าง เข้าใจการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์กันมากขึ้นไหมครับ?
แต่ถ้าคุณอ่านแล้วก็ยังรู้สึกไม่เข้าใจ หรือคิดว่ามันอาจยุ่งยากและใช้เวลามากเกินไปในการเขียนคอนเทนต์การตลาดออนไลน์สำหรับคุณ อยากได้วิธีที่ดีและได้คอนเทนต์การตลาดออนไลน์ที่ไวกว่านี้ ลองติดต่อเราสิครับ เรามีทีมทำการตลาดออนไลน์ที่มีประสบการณ์พร้อมให้บริการคุณแล้ว
เพียงแค่ คลิ๊ก 🔻
IMPEL MARKETING บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจออนไลน์
IMPEL MARKETING จากประสบการณ์ ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี
เราจะให้คำปรึกษาถึงแก่นการทำตลาดออนไลน์ให้คุณมียอดขายถึงขีดสูงสุดในทุกประเภทสินค้าและบริการ
- รับปรึกษาการตลาดสำหรับแบรนด์
- บริการโฆษณาออนไลน์
- รับทำเว็บไซต์
- รับเขียน App และระบบ IT สำหรับธุรกิจ SME
- รับทำ Content Marketing
- รับออกแบบกราฟิก / ทำสื่อสิ่งพิมพ์
- รับตัดต่อ ถ่ายภาพ / VDO / สื่อภาพเคลื่อนไหว
- รับแปล VDO หรือเอกสารภาษาอังกฤษเป็นไทย
การันตีผลงานทีมงานด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีเราสร้างยอดขายให้ธุรกิจมากกว่า 10 แบรนด์ ยอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท